ขนคุดหายขาดไม่ได้ แต่ทำให้อาการหายไปเลยได้เหมือนกัน แน่นอนว่ามีปัจจัยหลายอย่างและไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ ทางบริษัทได้มีโอกาสสัมภาษณ์ลูกค้าประจำท่านหนึ่งและได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการที่เห็นผลดีอย่างน่าตกใจ เลยต้องการแชร์ให้ทุกคนเป็นแนวทางครับ (แต่ไม่มีสินค้าเกี่ยวข้องกับ keto + IF ขายนะครับ อันนี้ต้องพยายามเอาเอง)
คุณลูกค้าเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการทำ Ketogenic diet + intermittent fasting ในแง่มุมเกี่ยวกับสุขภาพผิวไว้ดังนี้ครับ
1. เราอายุ 40 ปี (หนัก 85 สูง 168) มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับภาวะอ้วน ไขมันพอกตับ ภูมิแพ้รอบดวงตา (คันตา น้ำตาลไหล แสบรอบเปลือกตา) และปัญหาผิวหนังคือขนคุด (keratosis pilaris) แบบกรรมพันธุ์ คือเป็นตั้งแต่วัยรุ่น บริเวณแขนถึงหัวไหล่ หลัง ต้นขา
2. วันนึงได้ยินเพื่อนบอกว่า ในเว็บต่างประเทศเห็นคนพูดถึงการทำ Ketogenic diet แล้วทำให้อาการขนคุดดีขึ้นหลายเคส เราก็ไปค้นดูก็พบว่าส่วนใหญ่เป็นคำบอกเล่าไม่มีงานวิจัยยืนยัน และเท่าที่ทราบ keratosis pilaris นั้นไม่มีความสัมพันธ์กับอาหารเลย ยังไงเราก็เชื่อว่าเป็นกรรมพันธุ์
3. แต่ก็เอาว่ะ ไม่ลองไม่รู้ เลยทำการศึกษาเพิ่มเติมว่า Ketogenic diet คืออะไร ก็สรุปเลยคือ Ketogenic diet การงดการกินคาร์โบไฮเดรตนั่นเอง แต่ในรายละเอียดก็จะหมายถึงการจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตจำพวกแป้งและน้ำตาลให้ต่ำกว่า 20 กรัมต่อวัน ผลลัพธ์ที่คนคาดหวังคือการลดน้ำหนักนั่นเอง การงดคาร์โบไฮเดรตจะทำให้ร่างกายเราปรับไปใช้ไขมันสะสม ไหนๆ ก็จะพิสูจน์เรื่องการรักษาขนคุดแล้ว ก็มาลดน้ำหนักไปด้วยเลยละกัน
4. เราศึกษาเพิ่มเติมว่า นอกจาก Ketogenic diet แล้วมีอะไรที่เสริมการลดน้ำหนักได้อีก ก็ไปพบว่ามีสิ่งที่ควรทำควบคู่กันก็คือ intermittent fasting
5. สรุปวิธีการของเราเลย คือ intermittent fasting แบบหักดิบแบบ 16/8 เลย (บางคนค่อยๆปรับ 12/12 14/10 16/8 18/6 23/1) ประมาณว่ากินข้าวมื้อแรก 12.00 น. (ดื่มกาแฟดำได้) และมื้อ 18.00 น. (ยืดหยุ่นเวลาได้พอสมควร) ไม่กินอาหารใดๆระหว่างมื้อ ส่วน Ketogenic diet นั้นไม่เคร่งครัดมาก ไม่ต้องไปหาซื้ออาหาร Keto อะไรเลย แค่ไม่กินข้าว แป้ง เส้น น้ำตาล เผือก มัน ผลไม้หวานๆ ให้กินเนื้อสัตว์ ผัก ไข่ ถั่ว โยเกิร์ตทำเอง ผลไม้เลือกเป็นเบอร์รี่ต่าง ๆ มะพร้าว อะโวคาโด หลีกเลี่ยงน้ำมันพืชทุกชนิดเลย ใช้เนยแท้ หรือน้ำมันหมูเจียวเองเพื่อทำอาหาร วันนึงกิน 2 มื้อแบบหนักๆ อิ่มๆจุกๆ
6. อาการอยากกินแป้ง อยากกินของหวาน จะมีบ้างใยช่วง 3-4 วันแรก มีอาการปวดหัวตุบๆ มีไข้ในช่วงวันที่ 5-8 (เข้าใจว่าเพราะ ปวดหัวไมแกรนเวลาหิวๆ เพราะน้ำตาลตก) เมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์จึงเริ่มปรับตัวได้ และชินกับการ Fasting (อดอาหารข้ามคืนจนถึงเที่ยงวัน) เรื่องนี้แนะนำว่าถ้ามีโรคประจำตัวมากควรปรึกษาแพทย์ก่อน ช่วยก่อนที่ร่างกายจะปรับตัวได้อาจมีอันตรายถ้าต้องขับรถทางไกลหรือทำงานกับเครื่องจักร
"เมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์จึงเริ่มปรับตัวได้ และชินกับการ Fasting"
7. ตรวจพบปริมาณ Ketone body ในปัสสาวะ (ซื้อกระดาษตรวจมาลองใช้) แปลว่า ร่างกายเริ่มสลายไขมันสะสมแล้ว (เพราะขาดแคลนคาร์โบไฮเดรต)
8. น้ำหนักเริ่มลดในสัปดาห์ที่ 2 ยิ่งชั่งน้ำหนักตอนเช้าๆ จะพบว่าลดวันละ 0.3-0.5 กิโลกรัม ยิ่งมีกำลังใจทำต่อ
9. ผ่านไป 3 เดือน น้ำหนักจาก 85 กิโลกรัม น้ำหนักลดลงเหลือ 75 กิโลกรัม ตรวจเลือดพบว่าค่าไขมันอยู่ในเกณฑ์ปกติ ค่าตับปกติแล้ว ร่างกายเริ่มเคยชินจนมีความสามารถที่จะ Fasting 23/1 ได้สบายๆ โดยไม่หิว (ทำสัปดาห์ละ 1-2 วัน ที่เหลือจะเป็น 16/8 – 18/6) เจาะเลือดวัดระดับ Ketone body อยู่ที่ระดับ 1-1.5 mM ซึ่งเป็นภาวะ Nutritional Ketosis (ภาวะที่ร่างกายผลิต Ketone ในคนสุขภาพดีที่คุมการบริโภคคาร์โบไฮเดรต)
10. เดือนที่ 4 ไปอัลตร้าซาวด์ไขมันพอกตับ (โรงพยาบาลใหม่) หมอบอกว่าก็มีนิดหน่อยไม่ต้องกังวลอะไร
11. เดือนที่ 9 น้ำหนักเหลือ 67 กิโลกรัม สุขภาพดี กระฉับกระเฉง สิ่งที่เริ่มเห็นชัดคือ ผิวพรรณเริ่มดีขึ้น ภูมิแพ้รอบดวงตาลดลง ขนคุดยังมีเหมือนเดิมแต่ไม่มีการอับเสบรอบรูขุมขน
12. ผ่านไป 2 ปี น้ำหนักยังทรงที่ 64-65 กิโลกรัม กิจวัตรการทำ IF เหมือนเดิม อาหารปรับมาเป็น Low-carb (กินคาร์บธรรมชาติ เช่น ธัญพืช มัน ผลไม้หวานเล็กน้อย) สิ่งที่ชัดเจนคือจากที่เคยใส่เสื้อขนาด XXL เปลี่ยนเป็น S- Slim Fit ได้ ผิวเนียนเรียบขึ้นมากๆ ขนคุดลดลงจนกล้าใส่เสื้อแขนสั้น (ยังมีขนคุดอยู่ แต่ไม่มีรอยแดงรอยดำรอบรูขุมขน ทำให้สังเกตยาก น่าจะดูดีขึ้น 60-70% เลย) ติ่งเนื้อไขมันตามคอหายไป ดูอ่อนเยาว์ลง ไปอัลตร้าซาวด์ไขมันพอกตับที่โรงพยาบาลที่เคยวินิจฉัยว่าเป็นไขมันพอกตับ หมอยังตกใจว่าไขมันพอกตับหายไป ระหว่างนี้ยังใช้ kp-clear ไปด้วยตลอดเพราะใช้มานานแล้ว
ขนคุดลดลงจนกล้าใส่เสื้อแขนสั้น
13. เราไม่แน่ใจว่าการที่อาการขนคุดดีขึ้น เพราะเรางดคาร์โบไฮเดรตพวกแป้งน้ำตาล หรือ เพราะเราทำ IF (กระตุ้น Autophagy) หรือเพราะเรางดการกินน้ำมันพืชและอาหารขยะ แต่ลองตั้งข้อสันนิษฐานดังนี้
แม้ว่า ขนคุด (keratosis pilaris) จะเป็นกรรมพันธุ์ แต่อาจมีปัจจัยกระตุ้นเสริมให้อาการรุนแรงขึ้นได้ เช่น การขัดถู การฟอกสบู่บ่อยๆ ฮอร์โมน แม้ว่าอาหารจะไม่มีส่วนกระตุ้นให้อาการรุนแรงขึ้น แต่เราเชื่อว่าการงดอาหารบางอย่าง (แป้งและน้ำตาล) จะเยียวยาให้อาการดีขึ้น
ภาวะอ้วนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง เช่นการที่มีไขมันในเลือดสูงเป็นเวลานานนำไปสู่การอักเสบต่างๆ ของเซลล์ในร่างกาย ทำให้ผิวหนังไม่สดใส รูขุมขนอักเสบเห็นชัดเจน การลดน้ำหนักและลดไขมันสะสม (จากการทำ Ketogenic + IF) ทำให้รอยดำตามซอกคอ ข้อพับ จางหายไป รอยจุดดำๆใต้ผิวหนังที่หน้าแข้งหายไป (เข้าใจว่าเป็นร่องรอยของภาวะที่กำลังจะเป็นเบาหวาน)
งดคาร์โบไฮเดรตจำพวกแป้งอาจทำให้อาการภูมิแพ้รอบดวงตาดีขึ้น ได้ผลมาจากการทดลองแอบกินคาร์โบไฮเดรตจำพวกแป้งสาลีแล้วพบว่าภูมิแพ้รอบดวงตากลับมากำเริบได้ ซึ่งการตอบสนองนี้อาจไม่เหมือนกันทุกคน
การทำ IF สามารถกระตุ้นกระบวนการ Autophagy ได้ Autophagy ก็คือกระบวนการที่เซลล์ที่เสื่อมสภาพกลืนกินตัวเองหรือย่อยสลายไป ตรงนี้ช่วยย้อนวัยได้ และผิวพรรณเรียบเนียนชัดเจน
----------------------------------------
จากข้อมูลข้างต้นแอดมินมองว่า แม้อาการขนคุดของลูกค้าท่านนี้จะไม่ได้หายไปหมด แต่อาการแทบไม่เห็นเลย ส่วนหนึ่งเพราะยังทำการผลัดผิวด้วย kp-clear ร่วมด้วยตลอดบวกกับร่างกายแข็งแรงจนอาการอักเสบเกิดขึ้นน้อยมาก และเมื่อร่างกายแข็งแรงสุขภาพดีสุขภาพผิวก็ดีขึ้นโดยรวม กิจกรรมที่คุณลูกค้าทำนั้นยากพอสมควรและอาจไม่เหมาะกับทุกคน (แอดมินเองก็ไม่สามารถหยุดกินไก่ทอดเฟรนซ์ฟรายได้) แต่ก็เป็นแนวทางที่ทนำไปประยุกต์ใช้ครับ
==จบบทความ==
Comments